เข้าใจแรงยกของลม (Wind Uplift) กับระบบหลังคาเมทัลชีท
- Yuttapichai Ngotiat
- 24 ก.ย.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 25 ก.ย.
เมื่อพูดถึงระบบหลังคา หนึ่งในแรงธรรมชาติที่โหดร้ายที่สุดก็คือ "ลม" โดยเฉพาะ “แรงยกของลม” หรือ Wind Uplift ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบหลังคาเมทัลชีทที่ต้องติดตั้งในพื้นที่เสี่ยงพายุ ลมแรง หรือพื้นที่โล่ง เช่น คลังสินค้า โรงงาน หรืออาคารอุตสาหกรรม
โพสต์นี้จะพาไปรู้จักกับแรงยกของลมว่าคืออะไร เกิดจากอะไร และปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึง รวมถึงเราจะเล่าถึงการทดสอบภายในของ ไทยซินคอน (TSS) และมาตรฐาน FM 4471 ที่เราได้รับการรับรอง เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าหลังคาเราพร้อมรับมือกับทุกลมแรง

แรงยกของลมคืออะไร?
แรงยกของลม (Wind Uplift) คือแรงดันจากลมที่พัดขึ้นใต้หลังคา ทำให้เกิดแรงยกจากด้านล่างส่งขึ้นด้านบน มีโอกาสทำให้แผ่นหลังคายกตัว หลุด หรือเสียรูปได้ โดยเฉพาะถ้าระบบติดตั้งไม่ได้ถูกออกแบบมาอย่างแข็งแรง
กลไกของแรงยกเกิดจากการที่ลมเคลื่อนผ่านอาคาร แล้วเกิดแรงดันลบ (Negative Pressure) ที่ผิวหลังคา คล้ายกับหลักการ “แรงยก” ใต้ปีกเครื่องบิน ยิ่งพื้นที่ผิวหลังคาใหญ่ และระบบติดตั้งไม่แข็งแรง ก็ยิ่งมีความเสี่ยง
ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงยกของลม
การประเมินแรงยกของลมต้องดูหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งสภาพแวดล้อมและลักษณะของอาคาร ได้แก่
1. ความเร็วลมในพื้นที่

ยิ่งความเร็วลม สูง แรงยกก็ยิ่ง มาก
จำเป็นต้องอ้างอิง “ข้อมูลความเร็วลมย้อนหลัง”
(historical wind data) และ “ลักษณะลมท้องถิ่น” เพื่อใช้ในการคำนวณแรงยกที่อาจเกิดขึ้นจริงในแต่ละพื้นที่
กลุ่มที่ 1 V50 = 25 เมตร ต่อ วินาที : TF = 1.0
กลุ่มที่ 2 V50 = 27 เมตร ต่อ วินาที : TF = 1.0
กลุ่มที่ 3 V50 = 29 เมตร ต่อ วินาที : TF = 1.0
กลุ่มที่ 4A V50 = 25 เมตร ต่อ วินาที : TF = 1.2
กลุ่มที่ 4B V50 = 25 เมตร ต่อ วินาที : TF = 1.08
2.ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่โล่ง เช่น ลานกว้าง จะไม่มีสิ่งกีดขวาง ทำให้ความเร็วลมสูง และเกิดแรงยกมาก

3.ประเภทของอาคาร
Enclosed: อาคารปิด ลมเข้าได้น้อย แรงยกภายในต่ำ
Partially enclosed: มีช่องเปิดใหญ่ ลมเข้าอาคาร ทำให้เกิดแรงดันภายใน
Open building: ลมผ่านทะลุ เสี่ยงต่อแรงยกมากที่สุด
4.ขนาดและรูปทรงหลังคา
หลังคายิ่งใหญ่ ยิ่งโดนแรงยกสะสม
หลังคาแบนหรือองศาต่ำ ยิ่งเสี่ยงต่อแรงลม
5.ตำแหน่งบนหลังคา
บริเวณ มุม (Corner) และ ขอบ (Perimeter) จะมีแรงยกมากกว่าบริเวณตรงกลาง (Field)
มาตรฐานการออกแบบจะแบ่งพื้นที่หลังคาออกเป็น 3 โซน ได้แก่
Zone 1 (Field): ตรงกลางหลังคา แรงยกต่ำที่สุด
Zone 2 (Perimeter): ขอบหลังคา แรงยกมากขึ้น
Zone 3 (Corner): มุมหลังคา เสี่ยงแรงยกมากที่สุด ต้องการการเสริมพิเศษ
บริเวณมุมหลังคา อาจจำเป็นต้อง ซอยแปถี่ขึ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงในการยึดระบบหลังคา และป้องกันการปลิวของแผ่นในสภาวะลมแรง

6.โปรไฟล์ของแผ่น
ระบบไร้สกรู (Boltless) ที่มีซีมสองรอบ (Double Seam) มีความต้านทานแรงยกที่แข็งแรงกว่า
การเลือกใช้เหล็กแรงดึงสูง G550 ช่วยเสริมความแข็งแรงของจุดซีม เนื่องจากเหล็กประเภทนี้มีคุณสมบัติต้านทานต่อการเสียรูป (Deformation Resistance) ทำให้ระบบยึดเกาะมีความมั่นคงยิ่งขึ้น แม้ในบริเวณที่ต้องรับแรงลมสูง

การทดสอบภายในของ TSS ตามมาตรฐาน FM 4474
ที่ TSS เราให้ความสำคัญกับแรงยกของลมอย่างจริงจัง ด้วยการพัฒนาเครื่องทดสอบแรงยกภายในเอง โดยอ้างอิงมาตรฐาน FM 4474 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานระบบหลังคา FM 4471 สำหรับการรับรองความทนทานต่อแรงลม
เครื่องทดสอบแรงยกของเรา
ออกแบบตามมาตรฐาน ANSI /FM 4474
จำลองแรงลมที่กดดันจากด้านล่างขึ้นบน โดยใช้แรงดันเป็นลำดับ
ตรวจสอบการเปลี่ยนรูป รอยซีม และระบบยึดระหว่างแผ่น


โปรไฟล์ T-75DSF ผ่าน FM 4471
หลังคา T-75DSF Double Seam (Boltless) ของเราผ่านการรับรอง FM 4471 ซึ่งครอบคลุม
ความต้านแรงยก (FM 4474)
การต้านไฟ (ASTM E108)
ความทนต่อแรงกระแทก (Hail)

สามารถดูระบบที่ได้รับการรับรองของเราบน RoofNav ได้ที่: https://roofnav.app.fmglobal.com/
ทำไมแรงยกลม ถึงสำคัญ?
การมองข้ามเรื่องแรงลมอาจทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรง เช่น
หลังคาหลุดในช่วงพายุ
ความเสียหายจากน้ำ
การหยุดชะงักของธุรกิจ
ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร





ความคิดเห็น